top of page
ค้นหา

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ขวาผ่านตลอด

  • รูปภาพนักเขียน: rich Asachi
    rich Asachi
  • 4 พ.ย. 2564
  • ยาว 1 นาที

ด้วยเหตุนี้ นอกจากเกมรุกจะไม่น่าเกรงขามแล้ว เกมรับก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้น


จากการถูกแผงรุกที่สุดจัดจ้านของทีมเจ้าบ้านเล่นงานแทบทุกนาที และจากโอกาสที่มี ลิเวอร์พูล น่าจะขยี้แชมป์ลีกกระทิงดุได้อย่างยับเยินมากกว่าที่เห็นด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆทีมจอมแกร่งจาก ลา ลีกา สร้างสถิติที่เลวร้ายเสียสองเม็ดในครึ่งแรกของเกม แชมเปี้ยนส์ลีก สองนัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกของพวกเขาเองจากการลงเล่นเป็นนัดที่ 105 เป็นเกมที่เล่นได้อย่างโดดเด่น


และง่ายดายที่สุดนัดหนึ่งในอาชีพการค้าแข้งของแบ็คขวาทีมชาติอังกฤษขึ้นเกมทางขวาได้ตลอด และมีความเร็วจนแผงหลังทีมเยือนไล่กวดไม่ทัน และไม่กล้าตัดเกมทำฟาวล์ซึ่งเสี่ยงต่อการได้ใบเหลือง วางบอลยาวให้ ดีโอโก้ โชต้า โขกลูกแรก ก่อนแอสซิสต์อีกลูกที่มี ซาดิโอ มาเน่ เข้าชาร์ตเพิ่มสกอร์เป็น 2-0 ให้ทีมเจ้าบ้าน และแน่นอนว่านับตั้งแต่ได้ประเดิมสนามในถ้วยใบนี้ ไม่มีกองหลังคนไหนอีกแล้วที่แอสซิสต์ (9) ได้มากกว่าไปกว่าปราการหลัง luminokaya.com ลิเวอร์พูล รายนี้ อย่างที่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ บอกเอาไว้หลังจบนัดก่อนว่าเขาไม่ชอบวัฒนธรรมการสัมผัสมือหลังเกมเนื่องจากกุนซือทั้งสองทีมกำลังมีอารมณ์ที่แตกต่างกันและก็เป็นอย่างที่โค้ชอาร์เจนไตน์ให้สัมภาษณ์ย้ำคำเดิมในขณะแถลงข่าวก่อนเกมนัดสองว่าเขาไม่คิดจับมือกับ คล็อปป์ อย่างแน่นอนเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับประเพณีของลีกเมืองผู้ดี กระทั่งหลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายที่ แอนฟิลด์ ซิเมโอเน่


luminokaya.com

ซึ่งยืนรอสัมผัสมือ และโอบกอดลูกทีมที่เดินกลับเข้าอุโมงค์ก็ชิงเข้าห้องแต่งตัวไป


ก่อนหลังเห็นว่า คล็อปป์ ซึ่งเดินเข้าสนามไปเฮฮากับนักเตะกำลังจะเดินลงอุโมงค์ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้ง ซิเมโอเน่ และ คล็อปป์ กลายเป็นกุนซือคู่อาฆาตที่สร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลเป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้มีชัยในแต่ละเกมก็ตาม เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ให้ ดิโอโก้ โชต้า


และ คอสตาส ซิมิคาส สตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือ "ตราหมี" ใช้ หลุยส์ ซัวเรซ อดีตดาวยิง ลิเวอร์พูล เป็นหน้าเป้า และมี ชูเอา เฟลิกซ์ กับ อังเคล กอร์เรอา คอยทำเกมอยู่ข้างหลัง แต่ไม่มี อ็องตวน กรีซมันน์ ที่ติดโทษแบน (Goal!!!) แค่นาทีที่ 13 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสบอลสุดแม่นให้ ดิโอโก้ โชต้า ตั้งหัวโขกเน้นๆ ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ชนิดที่ ยาน โอบลัค นายประตูทีมเยือน หมดสิทธิ์ป้องกัน (Goal!!!) เจ้าถิ่นหนีเป็น 2-0 อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 21 จากผลงานของ ซาดิโอ มาเน่ ที่แหย่เท้าเปลี่ยนทางบอลจากลูกยิงของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เข้าไป นาทีที่ 36 สถานการณ์ของ แอต. มาดริด


ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เพราะต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน หลังจากที่ เฟลิเป้ ได้รับใบแดงโดยตรง จากการไปจงใจทำฟาวล์ตัดเกมใส่ มาเน่ ช่วงท้ายครึ่งแรก "หงส์แดง" มีโอกาสได้ประตูเพิ่มอีกจากลูกยิงด้วยเท้าซ้ายของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และลูกโขกของ โชต้า แต่ โอบลัค ป้องกันไว้ได้หมด

 
 
 

Comments


โพสต์: Blog2_Post
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn

©2021 by richermen. Proudly created with Wix.com

bottom of page