นำกฎปรับเงินกลับมาใช้อีกครั้ง

การปรับเงินทั้งแบบเล็กน้อย, รุนแรง หรือรุนแรงมากหายไปหลังจากที่ หลุยส์ เอ็นรีเก้

โบกมือลาสโมสรในปี 2017 เหตุผลที่ยกเลิกกฎนี้ก็เพราะพวกเขาคิดว่านักฟุตบอลมีความเป็นมืออาชีพมากพอที่จะรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวยังไง อย่างไรก็ตาม ชาบี เล็งเห็นแล้วว่าขุมกำลังของสโมสรจะได้ประโยชน์มากแค่ไหนจากการที่มีกฎปรับเงิน หลังจากที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตำนานนักเตะ

และโค้ช เน้นความเข้มงวดในเรื่องเหล่านี้ เมื่อเขาเข้ามาแทน แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด เมื่อปี 2008 นักเตะมีโอกาสที่จะต้องรายได้หดหายไปเลยทีเดียวหากพวกเขากระทำผิด แต่สำหรับ ชาบี ค่อนข้างจะโหดกว่านั้นเพราะเขาพร้อมที่จะปรับเงินลูกทีมเพิ่มเป็นสองเท่าในทุกๆ ครั้งที่พวกเขาทำผิดในเรื่องเดิมๆ ยกตัวอย่างถ้าลูกทีมคนไหนมาซ้อมสาย เขาจะต้องโดนปรับเงินครั้งแรกจำนวน 100 ยูโร (ราว 4,000 บาท) หากทำผิดแบบเดิมจะเพิ่มเป็น 200 ยูโร (ราว 8,000 บาท), เพิ่มเป็น 400 ยูโร (ราว 16,000 บาท) และเพิ่มสองเท่าไปเรื่อยๆ หากยังทำผิดแบบเดิมๆ ซ้ำซาก เป็นต้น สำหรับเรื่องนี้ "อาส" สื่อดังในสเปน รายงานว่า บาร์เซโลน่า เคยปรับนักเตะบางคนมากสุดถึง 6,000 ยูโร (ราว 240,000 บาท) ในยุคที่ เอ็นรีเก้ กุมบังเหียน แต่งานนี้ยอดปรับอาจทะลุของเดิมในยุค ชาบี ก็ได้เมื่อไหร่ก็ตามที่ บาร์เซโลน่า

มีโปรแกรมต้องลงสนาม บรรดานักเตะ "เจ้าบุญทุ่ม" ต้องมั่นใจว่าตลอดระยะเวลา 48 ชั่วโมง

พวกเขาจะต้องอยู่บ้านพักผ่อนอย่างเหมาะสม การทำแบบนี้เพื่อจะได้มั่นใจได้ว่าผู้เล่นทุกคนในทีมจะมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อถึงเวลาต้องลงสนาม ว่ากันว่านี่เป็นหนึ่งในกฎของ ชาบี ที่ห้ามต่อรองเด็ดขาด ชาบี ต้องการเห็นความพยายามของทุกๆ คนแบบเต็มร้อยเปอร์เซนต์

ในช่วงฝึกซ้อม หากผู้เล่นคนไหนทำผลงานไม่น่าประทับใจพวกเขาเหล่านั้นมีสิทธิ์ที่จะต้องไปนั่งตบยุงในซุ้มม้านั่งสำรอง หรืออาจจะโดนตัดออกจากทีมไปเลย ฉะนั้นนี่เป็นสิ่งที่จะกระตุ้นให้บรรดาแข้งบาร์ซ่าทั้งพวกสตาร์ดังประจำทีม และบรรดาดาวรุ่งต้องทุ่มเทให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ เพื่อโอกาสได้ลงสนาม แม้ว่าผู้เล่นของบาร์เซโลน่าจะได้สนุกกับเวลาว่างของพวกเขาก็ตาม แต่ ชาบี ไม่ต้องการให้ผู้เล่นเดินทางแบบส่วนตัวซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมงโดยเครื่องบินในระหว่างฤดูกาลหากไม่ได้รับอนุญาต ถ้านักเตะคนไหนทำกิจกรรมในหรือนอกสนามที่เริ่มส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของพวกเขา นักเตะเหล่านั้นจะต้องได้ถูกจับตามองเป็นพิเศษจากบรรดาทีมสตาร์โค้ชของสโมสรทันที นักเตะทุกคนไม่สามารถทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงโดยเด็ดขาด ยกตัวอย่างเช่นการเล่นเซิร์ฟ หรือการขี่จักรยานไฟฟ้า เป็นต้น

เพราะสิ่งเหล่านี้ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ หากนักเตะคนไหนเพิกเฉย หรือไม่ปฏิบัติตามกฎข้อนี้มีสิทธิ์ที่จะโดนลงโทษอย่างรุนแรง ซึ่งอาจรวมถึงการถูกยกเลิกสัญญาเลยทีเดียวเรื่องภาพลักษณ์ถือเป็นหน้าตาของสโมสร ด้วยเหตุนี้นักเตะและสตาฟฟ์โค้ช จะต้องแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสาธารณชน พวกเขาต้องเข้าใจบรรดาแฟนบอล และเชื่อฟังรวมทั้งปฏิบัติตามกฎทุกข้อตลอดเวลา